เรืออากาศตรี นายแพทย์เสถียร ตรีทิพย์วาณิชย์
สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ณ กองศัลยกรรม โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
จากแพทย์ใช้ทุนสู่การเรียนแพทย์เฉพาะทาง
ภายหลังจากที่ผมเรียนจบแพทยศาสตร์บัณฑิต เมื่อ พ.ศ. 2550 ผมเข้ารับราชการเป็นแพทย์ใช้ทุน หรือ แพทย์เพิ่มพูนทักษะที่ “โรงพยาบาลอำนาจเจริญ” ผมได้รับประสบการณ์การเป็นแพทย์ปีแรกจากโรงพยาบาลแห่งนี้มากมาย ได้ดูแลรักษาผู้ป่วยที่หลากหลายจากทุกแผนก ได้เจอเพื่อนแพทย์ต่างสถาบัน ได้ประสบการณ์ทั้งการทำงาน และประสบการณ์การใช้ชีวิต การเปลี่ยนจากชีวิตวัยเรียนสู่ชีวิตการทำงานทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยทีเดียวครับ
ด้วยความที่คุณพ่อคุณแม่ท่านมีอายุค่อนข้างมาก ทำให้ผมมีความคิดอยากย้ายสถานที่ทำงานมาอยู่ใกล้บ้านมากขึ้น ปีต่อมาเป็นจังหวะดีที่มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ ชื่อ “ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก” สถานที่ตั้งของโรงพยาบาลแห่งนี้ ไม่ไกลจากบ้านคุณพ่อคุณแม่เท่าไรนัก ผมตัดสินใจย้ายเข้ามาเป็นแพทย์ใช้ทุนปี 2 - 3 ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 โดยปฏิบัติงานในตำแหน่งแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป
ชีวิตการทำงานผมก็ทำงานในเวลาราชการ หลังเลิกงานในช่วงเย็น ส่วนใหญ่ผมก็จะออกกำลังกายด้วยการวิ่งรอบสนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยมหิดล เสร็จแล้วก็กลับบ้าน ถ้าพูดถึงการออกกำลังด้วยการวิ่งของผม ช่วงนั้นนับเป็นช่วงที่ผมสามารถพัฒนาทางด้านการวิ่งเป็นอย่างมาก ด้วยกีฬาวิ่งจะต่างกับกีฬาประเภทอื่น ๆ ค่อนข้างเยอะ กีฬาประเภทอื่นอาจจะใช้พรสวรรค์เป็นส่วนสำคัญ แต่กีฬาวิ่ง โดยเฉพาะวิ่งระยะไกลเป็นกีฬาที่ใช้พรสวรรค์ไม่มาก ขอแค่ขยันออกวิ่งบ่อย ๆ เราก็จะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งวิ่งได้เร็วขึ้น ทั้งวิ่งได้ไกลขึ้น เช่น วันแรกเราอาจวิ่งได้ 1 – 2 กิโลเมตรแล้วหมดแรง ถ้าเราฝึกวิ่งบ่อย ๆ เราก็อาจจะวิ่งได้ 4 กิโลเมตร 8 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร ด้วยโรคประจำตัวที่ทำให้ผมต้องวิ่งทุกวัน จึงส่งผลทำให้ผมวิ่งเก่งขึ้นทุกวันโดยไม่รู้ตัวครับ
ตอนเป็นแพทย์ใช้ทุนจะมีเวลามากกว่าตอนเรียนเป็นนักศึกษาแพทย์ ช่วงเป็นแพทย์ใช้ทุนนี้ ผมสามารถซ้อมวิ่งได้จริงจังมากขึ้น และมีเวลาออกวิ่งเพื่อแข่งขันมากขึ้น เมื่อได้รางวัลชนะการแข่งขันวิ่งกลับมาก็ยิ่งทำให้รู้สึกสนุกกับการวิ่งมากขึ้น จนกระทั่งเริ่มมีความฝันอยากเป็นนักวิ่งทีมชาติ ในเส้นทางอาชีพแพทย์นั้น หลังจากจบเป็นแพทย์ครบ 3 ปี ก็เป็นช่วงที่เหมาะสมต่อการเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง ในอีกมุมหนึ่งตอนนั้น ผมอายุ 27 ปี ก็นับว่าเป็นช่วงอายุที่เหมาะสมต่อการเป็นนักกีฬาเพื่อความเป็นเลิศเช่นกัน ทำให้ตอนนั้นผมมีความลังเลพอสมควรครับว่า จะปรับเปลี่ยนทางเดินชีวิตของตัวเองเป็นนักกีฬาวิ่ง หรือ เรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเลือกเรียนแพทย์เฉพาะทาง ส่วนเรื่องวิ่งก็ลดระดับความเข้มข้นลงมาเป็น วิ่งเพื่อสุขภาพไม่ให้ตัวโรค Ankylosing spondylitis กำเริบ พักเรื่องวิ่งเพื่อการแข่งขันไว้ก่อนครับ
ผมเข้าศึกษาแพทย์เฉพาะทางสาขา “ศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา” ที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ตั้งแต่ พ.ศ. 2553 – 2557 หลังจากจบการศึกษา ผมกลับมาทำงานอยู่ที่ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก เมื่อ พ.ศ. 2557 ในตำแหน่งศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ