แพทย์หญิงพันทิวา สินรัชตานันท์
สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ณ ห้องสมุดดนตรีสมเด็จพระเทพรัตน์ ชั้น 3 หอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล
ชีวิตนักศึกษาแพทย์ ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เริ่มศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2512 – 2516 เป็นรุ่นที่ 6 และ ศึกษาต่อคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2516 – 2518 เป็นรุ่นที่ 12 ตอนนั้น แพทย์เชียงใหม่เราก็ไม่คิดว่าจะได้ไป เพราะพี่ชายเราก็อยู่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พี่สาว และพี่ชายอีกคนอยู่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วดิฉันจะไปเชียงใหม่ทำไมคนเดียว เพื่อนดิฉันก็อยู่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี แต่ชีวิตดิฉันก็เป็นแบบนี้ ติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไปแบบงง ๆ
ตอนแรกเคยไปเชียงใหม่แล้วไม่ชอบ เพราะว่าไม่มีเพื่อนสนิทไปเรียนด้วยกัน แต่พอไปอยู่แล้วไม่ยอมกลับ เพราะว่าเชียงใหม่ คือ มนต์เสน่ห์จริง ๆ และรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคดีมากที่ได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หอพักฟรีอยู่ติดกับตึกเรียน ตื่นเจ็ดโมงครึ่งยังไปเรียนทัน ค่าน้ำ ค่าไฟไม่ต้องจ่าย อาหารการกินแสนจะถูก เพื่อนก็ได้เพื่อนหลากหลายคณะด้วย เพราะว่าไม่ได้ให้พวกเราไปอยู่คณะแพทยศาสตร์ ดิฉันจะไปอยู่รวมกับคณะศึกษาศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์สนุกมาก เพราะมีอะไรแปลก ๆ ที่ดิฉันไม่มี เพราะว่าคณะแพทยศาสตร์เรียนอย่างเดียว แต่คณะอื่นมีกิจกรรมเยอะ ดิฉันก็เลยไปร้องเพลง ไปร้องโฟล์คซอง (Folksong) ไปเยี่ยมหอโน้น หอนี้ เพราะไม่ต้องกลับบ้านกันนี่ใช่ไหม พ่อแม่ก็ไม่ต้องมาคุม ดิฉันโชคดีมากที่ได้อยู่ที่เชียงใหม่ อากาศตอนนั้นก็ดีมาก เพราะว่ายังไม่มีรถติด หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังเป็นดินลูกรัง มีเพิงหมาแหงนขายกับข้าวอยู่ 2 – 3 เจ้า ตึกแถวไม่มี ถนนนิมานเหมินทร์ยังเป็นป่า และในตัวเมืองเชียงใหม่ยังมีแต่รถสามล้อถีบ ไม่มีรถอะไรเยอะแยะอย่างเดี๋ยวนี้ ไปไหนง่าย มีจักรยานคันหนึ่งไปทั่วเมืองเชียงใหม่เลย ไม่อันตรายและชีวิตก็ปลอดภัย สมัยนั้นอาหารการกินถูกมาก มะเขือเทศลูกโต ๆ กิโลกรัมละ 1 บาท เพราะฉะนั้นถึงดิฉันจะมีค่าใช้จ่ายแค่อาทิตย์ละ 100 บาท ดิฉันอยู่ได้ ตรงนี้ต้องขอกราบขอบพระคุณพี่ชายอธิวัตน์ (ธารา) สินรัชตานันท์ เป็นพี่ที่เหมือนพ่อ เพราะว่าให้เงินเราทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 100 บาท เพื่อมีชีวิตต่อไปในฐานะนักศึกษา เพราะตอนนั้นที่บ้านไม่ได้ทำการค้าแล้ว พี่ชายก็เป็นผู้อุปถัมภ์ในการเรียนจนจบ 6 ปี ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยสำหรับชายหนุ่มอายุ 20 กว่าปี พี่ชายเรียนจบก่อน เมื่อเริ่มทำงานพี่ชายจึงให้เงินดิฉันไปเรียน 100 บาทต่อสัปดาห์ วิถีชีวิตของดิฉันตอนนั้น ตอนเช้าทานไข่ต้ม ตอนกลางวันทานข้าวกับเพื่อนปกติ เพื่อนไปทานร้านไหนก็ไปด้วยกัน ซึ่งอาจจะหนักหน่อยด้วย พวกเราจะทานแข่งกัน เพราะพวกเราจ่ายค่าอาหารเท่ากัน หารกันตามจำนวนคนที่มาทาน ดังนั้น ใครทานเยอะก็กำไรจึงทานกันใหญ่เลยสนุกมาก ตอนเย็นทานมะเขือเทศ 1 กิโลกรัม หรือ มะละกอ 1 กิโลกรัม ตอนมื้อเย็นทานผลไม้ เพราะฉะนั้นตัวจึงเท่านี้มาตั้งแต่เด็กจนเดี๋ยวนี้ การทานลักษณะนี้ก็เป็นผลดี เพราะว่าได้รับวิตามินเต็มที่
ตอนเรียนแพทย์เชียงใหม่รุ่นที่ 12 เป็นรุ่นเดียวกับศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสุมิตรา ทองประเสริฐ ซึ่งได้รับทุนจากมูลนิธิอนันทมหิดล คุณหมอสุมิตรา เป็นเพื่อนที่อยู่หอพักห้องติด ๆ กัน เราอ่านหนังสือสอบด้วยกัน ดิฉันผ่านได้เพราะท่านนั้นหละค่ะ เพราะดิฉันจะหนักไปทางกิจกรรม เมื่ออยู่มหาวิทยาลัยดิฉันไม่อยากไปร้องเพลงเชียร์ แต่จะไม่ร้องเพลงเชียร์ก็ไม่ได้ ดิฉันเลยต้องไปสมัครเป็นนักร้องของวงดนตรี The Science ของคณะวิทยาศาสตร์ เพื่อว่าดิฉันจะได้มีข้ออ้างว่าต้องถนอมเสียง ดิฉันจะไปร้องเพลงเชียร์ไม่ได้ และดิฉันสามารถที่จะทำเพลงที่ดิฉันร้องในเวลานั้นให้กลายเป็นตำนานได้ เนื่องจากนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่รุ่นที่ 12 หรือ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่รุ่นที่ 6 ทุกคน มักจะจำได้ว่าเพลง Those were the days เพลง Knock Knock Who’s there เพลง Goodbye เป็นเหมือนเพลงประจำรุ่นของเรา พอร้องขึ้นมาจะจำกันได้ เพราะพวกเราร้องในงานต้อนรับน้องใหม่เดินขึ้นดอย
การที่ดิฉันอยู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก เพราะว่าดิฉันมีชมรมนิยมไพร ขึ้นดอยอินทนนท์ ไปสำรวจน้ำตกแม่ยะ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีถนนเลยในเวลานั้น ดอยอินทนนท์ไม่มีถนนไป น้ำตกแม่ยะก็ไม่มีถนนไปค่ะ น้ำตกตาดหมอก จังหวัดเชียงใหม่ เขตอุทยานเเห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ถ้ำขุนตาล ถ้ำนู้น ถ้ำนี่ ถ้ำนั้น ไม่มีถนนทั้งนั้น เป็นดินลูกรังและมีรถกระป๊อพาไปกัน มีไปล่องแก่งแม่กก กิจกรรมทั้งหมดนี้ไม่ได้บอกใครที่บ้านเลย เพราะว่าถ้าบอกก็ไม่ได้ไป และไม่ได้ขอเงินทางบ้านเพิ่ม เพราะดิฉันประหยัดของดิฉันเองจากค่าขนมในแต่ละสัปดาห์ เพื่อที่จะได้ไปกับเพื่อน ๆ ที่ภูมิใจมาก คือ การไปน้ำตกแม่ยะ โดยไม่ค้างคืน เพราะว่าน้ำตกแม่ยะต้องเดินเข้าไป 16 กิโลเมตร พวกเราไม่ได้ค้างคืน เพราะไม่ได้เอาเต็นท์ไป และเดินกลับออกมาอีก 16 กิโลเมตร ในวันเดียว ขาโป่งเลย
แต่ที่ภูมิใจมากกว่านั้นคือ ดอยหลวงเชียงดาว 4 วัน 4 คืน ดอยหลวงเชียงดาวเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในย่านนั้นที่พวกเราจะขึ้นไปได้ ไม่นับดอยอินทนนท์ พวกเราไปกันทั้งหมด 12 คน ผู้ชาย 10 ผู้หญิง 2 นอนเต็นท์ บนดอยหลวงเชียงดาวไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ยังมีใครขึ้นไปไหม เมื่อก่อนนี้เป็นทุ่งฝิ่นสวยมาก ทั้งภูเขามีแต่ฝิ่น และเป็นการผจญภัยมาก ๆ ในตอนนั้น เพราะว่าอายุแค่ 20 ปี ตอนเดินกันไป ระหว่างทางตรงนี้เป็นเหว ตรงนั้นเป็นหน้าผา บนดอยหลวงเชียงดาว พวกเรากางเต็นท์นอนอยู่บนนั้น พวกเราไม่ได้อาบน้ำ น้ำไม่มีจะกิน น้ำไม่มีจะแปรงฟัน ต้องไปเอาน้ำฝนที่ขังอยู่ตามบ่อเล็ก ๆ ที่เป็นปลักขี้หมูของชาวเขาที่เลี้ยงไว้ พวกเราเอาเสื้อกรองน้ำ แล้วนำน้ำไปต้มแล้วนำมาดื่ม พวกเราใช้ชีวิตบนดอยหลวงเชียงดาวแบบนี้ แม้กระทั้งข้าวที่พวกเราจะทาน ได้ทานอยู่ 2 วัน อีก 2 วันไม่ได้ทาน เพราะลูกหาบทานไปหมดแล้ว พอกลับลงมาถอดกางเกงตั้งได้เลย เพราะกางเกงไม่ได้ซักมา 5 วัน และก็มีคราบเหงื่อเป็นสีขาว ๆ ไปทั่ว แล้วตอนอาบน้ำ น้ำที่ดิฉันอาบตัวเองมีความดำออกมาเป็นเหมือนน้ำที่ดิฉันถูบ้าน แล้วต้องกลับมากำจัดเหาและเห็บที่บนศีรษะ เพราะไปนอนกับหมูกับหมาแม้วบนดอย พวกเรายังต้องถ่ายพยาธิอีกต่างหาก เพราะไม่รู้ทานอะไรเข้าไปบ้าง ตอนหลังไม่มีอะไรทาน ก็ทานมะขามป้อมกับทานมะเขือเทศสีดาที่ปลูกบนเขา ซึ่งใช้มูลของหมูรดเพื่อให้เจริญเติบโต
ชมรมของพวกเรานำโดย คุณหมอสมพันธ์ หรือ นายแพทย์สมพันธ์ ผดุงเกียรติ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พวกเราเป็นกลุ่มที่สนุกสนานกันมาก ดิฉันกับเพื่อนที่เรียนเภสัชศาสตร์เข้าไปสอดแทรกกับกลุ่มนี้ และเป็นผู้หญิงเพียง 2 คน ซึ่งจริง ๆ กลุ่มนี้ไม่ให้ผู้หญิงเข้าไป แต่ดิฉันบอกว่าดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงค่ะก็เลยได้ไปด้วย โดยสัญญาว่าจะไม่งอแง จะไม่ร้องไห้ และทุก ๆ ปิดเทอมดิฉันไม่ได้กลับบ้าน พวกเราก็จะไปสำรวจน้ำตก ถ้ำ ภูเขา ล่องแก่ง หรือไม่ก็ไปเวียงจันทร์ ไปหลวงพระบาง แต่เราไม่ได้ไปด้วยเครื่องบิน พวกเราไปด้วยรถกระป๊อ และก็เดิน เพราะพวกเราไม่มีเงินขนาดนั้น ชีวิตสมัยที่เป็นนักศึกษาสนุกมาก ไม่นึกเหมือนกันว่าตัวเองจะไปได้ถึงขนาดนั้น เพราะว่าตัวดิฉันเองก็หลังหักใส่เฝือกอยู่ด้วย เพื่อน ๆ ที่ไปเที่ยวด้วยกันเดี๋ยวนี้ก็เสียชีวิตไปบ้างก็มี คุณหมอประสิทธิ์ เสียชีวิตไปแล้วก็เสียดาย เพราะว่าพวกเราเคยสนุกกันมากเลย มีความทรงจำดี ๆ ร่วมกันมา