มหาวิทยาลัยมหิดล ถือกำเนิดมาจากการสถาปนาโรงศิริราชพยาบาลเมื่อปี พ.ศ. 2431
ต่อมาในปี พ.ศ.2432 จึงเปิดโรงเรียนเพื่อผลิตบุคลากรทางการแพทย์ให้กับโรงศิริราชพยาบาล ซึ่งต่อมาโรงเรียนแพทย์นั้นได้รับการขนานนามว่า โรงเรียนแพทยากร
และได้พัฒนามาเป็นราชแพทยาลัย ในปี พ.ศ. 2443 กระทั่งปี
พ.ศ. 2460 เป็นคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล ในจุฬากรณ์มหาวิทยาลัย
หลังจากนั้นรัฐบาลมีการปรับปรุงการศึกษาในระดับอุดมศึกษาให้มีคุณภาพและปริมาณยิ่งขึ้น จึงได้มีนโยบายพัฒนามหาวิทยาลัยเฉพาะทางขึ้น ในปี พ.ศ. 2486 จึงได้แยก คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล คณะเภสัชกรรมศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ จากจุฬากรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาตั้งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ เป็น มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เพื่อเป็นศูนย์รวมในการจัดการศึกษา วิจัย และส่งเสริมด้านการแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เภสัชกรรมศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ กับวิชาพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย
มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ได้ดำเนินการและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี พ.ศ. 2507 ผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้ขอพระราชทานพระนามาภิไธย “มหิดล” เป็นชื่อของมหาวิทยาลัย ในการนั้นพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชกระแสรับสั่งว่า
“…ไม่ขัดข้อง แต่ขอให้ปรับขยายให้เป็นมหาวิทยาลัยที่สมบูรณ์เสียก่อน
เพื่อให้สมพระเกียรติ แต่ขอให้เป็นไปในทางประหยัด…”
มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์จึงได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา โดยในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2512 มีประกาศพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2512 ลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งมีใจความสำคัญว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ให้เป็นมหาวิทยาลัยที่สมบูรณ์ โดยจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยขึ้นใหม่เรียกว่า “มหาวิทยาลัยมหิดล” มีขอบเขตดำเนินการกว้างขวางขึ้น…”
มหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้ยึดถือเอาวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ คือ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2512 เป็น วันพระราชทานนามมหาวิทยาลัยมหิดล
มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นมหาวิทยาลัยที่สมบูรณ์
มีความเป็นผู้นำในการบริการสุขภาพและวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยยึดหลักดังต่อไปนี้
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหิดล ประกอบด้วย 17 คณะ 7 สถาบัน 6 วิทยาลัย 10 ศูนย์
3 วิทยาเขตในส่วนภูมิภาค 3 เขตพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
4 Centers of excellence
และ 9 โรงพยาบาล
เพื่อให้มหาวิทยาลัยมหิดลอยู่ในอันดับ 1 ใน 100 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก ในปี 2573
มหาวิทยาลัยมีการปรับแผนยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน ดังนี้
คลิกเพื่อดูข้อมูลแต่ละยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ที่ 1
“Global Research and Innovation”
เพื่อสร้างผลงานวิจัยตีพิมพ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวารสาร Q1 และได้รับการอ้างอิงในระดับนานาชาติ รวมถึงการนำผลงานไปใช้แก้ปัญหาของประเทศ
ยุทธศาสตร์ที่ 2
“Innovative Education
and Authentic Learning”
ส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งผู้สอนและผู้เรียน เพื่อมุ่งหวังให้เกิด Innovative pedagogy ผ่านการปฏิบัติ
ยุทธศาสตร์ที่ 3
“Policy Advocacy and Leaders in Professional / Academic Services”
เพื่อผลักดันผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยไปสู่นโยบายชี้นำสังคม
ยุทธศาสตร์ที่ 4
“Management for Self-Sufficiency and Sustainable Organization”
เพื่อสร้างระบบการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน ที่สนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาตร์
We use cookies to allow us to better understand how the site is used.
By continuing to use this site, you consent to this policy.